วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

น้ำท่วม ในไทย(Social Network Freever)




ไปไหนก็เจอแต่คำว่าน้ำท่วม ตื่นตระหนก และหวาดผวาหลังจากที่น้ำท่วมใหญ่ที่ภาคกลางปีที่แล้ว ศูนย์รวมของประเทศไทย กรุงเทพมหานคร โดนน้ำท่วมยับเยิน มาปีนี้ "น้ำท่วม" คำสั่นๆคำนี้ ปลิวว่อนไปทั่ว Data package ในสัญญาณ Internet ที่วิ่งเข้าและออกจาก กรุงเทพ ไทยแลนด์ เพราะปีนี้ความเติบโตของการใช้งาน Internet สูงขี้นกว่าปีที่แล้วเป็นทวีคูณ คนที่ไม่คิดจะสนใจก็เริ่มมาหัดใช้  มาเรียนมารู้ คนที่ไม่เคยอยากใช้ก็มาซื้ออปุกรณ์ Tablet ,Smart Phone ,Notebook ต่างๆ นานา จนกลายเป็นว่า วินาทีนี้ อะไรจะดัง ก็จะดังได้จากใน Internet ไม่มีสื่อใดเป็นเจ้าครองภิภพ ภายใต้ ท้องฟ้าเมืองไทย ได้เหนือ Internet
และเหตุผลหลักก็คือขาวสาร และข้อมูลที่เกิดจากการชุบชิบ กันไปมา ระหว่าง บุคคล ในSocial network(FB,Twitter,MSN,LINE,WhatApp,BB,Blog อืนๆ,อีกมากมาย) ความต้องการที่จะได้พูด ความต้องการที่จะมีตัวตน ต้องการการยอมรับ และความต้องการที่จะมีคนฟัง และ Application ที่มีระบบทรองรับความต้องการนี้ เริ่มได้รับการใช้งาน จนทำให้มันเติบโตและได้รับความนิยม จนยากจะมีนวัตกรรม หรืออาระยธรรม รุปแบบอื่นมาแทนที่ีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และมันจะดำเนินไปแบบนี้นับแต่นี้ต่อไป ยกเว้นว่าจะเกิด ภัยภิบัติ ทำลายระบบสือสารหลักราบคาบเท่านั้น

นั่นแปลว่า ภัยธรรมชาติ อาจจะหยุดอาระยธรรม สือสารนี้ได้ หรือไม่ก็อาจกระตุ้นให้มันแข็งแกรงมากขึ้นเหมือนทุกค้นต่างอยากมีนกพิราบของตัวเอง และจะไม่ยอมให้มันตายไป มิหน่ำซ้ำกลับจะสอนให้มันฉลาดและแข็งแกรงขึ้นในทุกๆวัน และภาพที่กำลังชัดเจนคือ มนุษย์ส่วนหนึ่ง กำลังเกิดมาเพื่อสร้าง อารยะธรรม เหล่านี้ และ วันข้างหน้าทุกคนก็จะตายไปโดยไม่ทันได้ รู้ว่า อะไรคือความผาสุข  นอกเหนือจากการรับส่งข้อความ แบ่งปันสิ่งที่รู้ อาจจริงไม่จริง ไม่ทันคิด รู้มา และส่งต่อๆไป รวมทั้งต้องการแสดงความเป็นตัวตน ส่งรูปน้ำท่วม หรือเค็กหน้าหวานๆ ให้กันดูไปวันๆ โดยไม่ได้มีกลุ่มพลัง หรือกลุ่มนักคิดที่กระตุ้นแรงบันดาลใจให้เกิด อารยธรรม ยั่งยื่นจริงจัง อย่างกลุ่มการอนุรักษ์ ที่แท้จิง รณนรงสร้างนิสัยรักโลก ที่แท้จิง การแสดงความรัก ต่อเพื่อนมนุษย์ ที่แท้จริง ซึ่งมันกำลังตรงกันข้ามกับแนวทาง ของอาระยธรรม สือสาร ที่คนกรุงเทพหรือ คนไทยนำมาใช้งานที่เห็นเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวันนี้ หรือแค่ประยุคใช้กับการค้าขายก็ยังเห็นทำกันน้อยคนนัก
        ทางออกเรื่องนี้ ไม่มี..แต่ เข้าได้ใจว่าสักวันหนึ่งผู้คนจะเริ่มเรียนรู้และเข้าใจเองได้ ว่าการพูดมากๆ หรือต้องฟังมาก ๆ จนเกินไป จะทำให้ ความเป็นตัวตนหายไป เพราะไม่ทันได้คิดเอง และวันหนึ่งเราก็ลืมว่าเราเป็นตัวอะไร    นอนตืนขึ้นมาก็เต้นกังนำไสตย์ ตามกระแส YouTube ทั้งๆที่เราเกิดมาจากสามช่า หมอลำซิ่ง และวันที่ผู้คนเริ่มระอากับ ภาวะตื่นอาระยธรรมสื่อสาร (Social Network Freever) นี้ มันคงจะมีแนวทางการใช้งานที่ดีงามขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่ามันจะต้องรออีกสักกี่สิบกี่ร้อยปี่ แต่ก็หวังว่าผู้คนจะเริ่ม เรียนรู้ และปรับใช้เทคโนโลยี อย่างรู้คุณค่า 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น