ไปไหนก็เจอแต่คำว่าน้ำท่วม ตื่นตระหนก และหวาดผวาหลังจากที่น้ำท่วมใหญ่ที่ภาคกลางปีที่แล้ว ศูนย์รวมของประเทศไทย กรุงเทพมหานคร โดนน้ำท่วมยับเยิน มาปีนี้ "น้ำท่วม" คำสั่นๆคำนี้ ปลิวว่อนไปทั่ว Data package ในสัญญาณ Internet ที่วิ่งเข้าและออกจาก กรุงเทพ ไทยแลนด์ เพราะปีนี้ความเติบโตของการใช้งาน Internet สูงขี้นกว่าปีที่แล้วเป็นทวีคูณ คนที่ไม่คิดจะสนใจก็เริ่มมาหัดใช้ มาเรียนมารู้ คนที่ไม่เคยอยากใช้ก็มาซื้ออปุกรณ์ Tablet ,Smart Phone ,Notebook ต่างๆ นานา จนกลายเป็นว่า วินาทีนี้ อะไรจะดัง ก็จะดังได้จากใน Internet ไม่มีสื่อใดเป็นเจ้าครองภิภพ ภายใต้ ท้องฟ้าเมืองไทย ได้เหนือ Internet
และเหตุผลหลักก็คือขาวสาร และข้อมูลที่เกิดจากการชุบชิบ กันไปมา ระหว่าง บุคคล ในSocial network(FB,Twitter,MSN,LINE,WhatApp,BB,Blog อืนๆ,อีกมากมาย) ความต้องการที่จะได้พูด ความต้องการที่จะมีตัวตน ต้องการการยอมรับ และความต้องการที่จะมีคนฟัง และ Application ที่มีระบบทรองรับความต้องการนี้ เริ่มได้รับการใช้งาน จนทำให้มันเติบโตและได้รับความนิยม จนยากจะมีนวัตกรรม หรืออาระยธรรม รุปแบบอื่นมาแทนที่ีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และมันจะดำเนินไปแบบนี้นับแต่นี้ต่อไป ยกเว้นว่าจะเกิด ภัยภิบัติ ทำลายระบบสือสารหลักราบคาบเท่านั้น
ทางออกเรื่องนี้ ไม่มี..แต่ เข้าได้ใจว่าสักวันหนึ่งผู้คนจะเริ่มเรียนรู้และเข้าใจเองได้ ว่าการพูดมากๆ หรือต้องฟังมาก ๆ จนเกินไป จะทำให้ ความเป็นตัวตนหายไป เพราะไม่ทันได้คิดเอง และวันหนึ่งเราก็ลืมว่าเราเป็นตัวอะไร นอนตืนขึ้นมาก็เต้นกังนำไสตย์ ตามกระแส YouTube ทั้งๆที่เราเกิดมาจากสามช่า หมอลำซิ่ง และวันที่ผู้คนเริ่มระอากับ ภาวะตื่นอาระยธรรมสื่อสาร (Social Network Freever) นี้ มันคงจะมีแนวทางการใช้งานที่ดีงามขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่ามันจะต้องรออีกสักกี่สิบกี่ร้อยปี่ แต่ก็หวังว่าผู้คนจะเริ่ม เรียนรู้ และปรับใช้เทคโนโลยี อย่างรู้คุณค่า