วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Logistic in Asian 2015

Logistic Application in your business is perfect ?
 ได้เวลา มองเรื่องนี้กันอย่างจริงจังซะที หลังมันเป็นแค่เรื่องของ รถสิบล้อต้องรอ 10โมง  มานานเกือบร้อยปี คนไทย 70 ล้านคน ซื้อของกิน ของใช้ ไปตามวิถีชีวิต โดยไม่ได้หวนคิดว่า ยาสีฟัน มันมาจากไหน ขนมเลย์ ผลิตจากโรงงานอะไร เอามันฝรั่งที่ไหนมาทอด ทุกย่างในโลกสมัยใหม่ ล้วนถูกเคลื่อนย้ายไปตามระบบ Logistic เพียงแค่เราไม่ได้ สนใจมัน เราขึ้นรถเม นั้งรถทัวว์กลับต่างจังหวัด ขึ้นเครื่องบินไปเทียว และซื้อกิน ซื้อใช้ไปตามประสา โดยไม่ได้รู้ตัวว่า รถค้นข้างๆ รถเรา เขาขนอะไรกัน ทำไมมันคันใหญ่ คันเล็กเต็มไปหมด แล้วจะวิ่งไปไหน เราไม่เคยยุ่งกับมัน และไม่คิดว่าจะสำคัญอะไรกะชีวิตเรา
        โลกที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน ขาดถนนไม่ได้ ขาดรถบรรทุกไม่ได้ ขาดคนดูแล จัดคิวรถ จัดของขึ้นรถ จัดตารางการส่งของ ยืนยันการได้รับของ และคนจ่ายเงิน ทุกอย่าง ขาดกันไม่ได้
        ดังนั้นเพื่อ พัฒนากระบวนการเหล่านี้ ให้ของไปถึงที่หมาย ให้ไว ให้ทัน ให้เยอะ ให้เหมาะสม ให้คุ้มทุน น้ำมัน แรงงาน และทันเวลา จึงจำเป็นที่จะต้องมีมากว่า คน ที่ค่อยจัดการเรื่องต่างๆเหล้านี้
          Logistic Application จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ และจะสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดของธุรกิจ ในวันที่โลกเริ่มเชื่อมต่อถึงกัน พรมห์แดนเป็นแค่เส้นขีดไว้ ถนนตัดเชื่อต่อกัน สะพานไม่มีวันขาด  รถขนของก็จะวิ่งข้ามไป ต่อให้ต้องต่อลงเรื่อ ก็ยังไปถึงกัน
         เพื่อควบคุมคุณภาพของกระบวนการทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีองค์ความรู้ และทักษะความชำนาญ ทั้งศาตร์ทางการขนย้าย และภูมิศาสตร์ รวมไปถึงสังคมศาสตร์ ความเข้าใจใน ขนบธรรมเนียม ของท้องถินและการ ควบคุมควมปลอดถัย ทั้งคน รถ และสินค้า
        หลัก Logistic Engineering ต้องเกิดขึ้น เพื่อให้เราทำ ความเข้าใจ ในกระบวนการการขนย้านสินค้า และ มี Software ที่ออกแบบมาให้ติดตามตรวจสอบ รวมทั้ง ความคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการของ ธุรกิจที่เกียวข้อง ทั้งหมดนี้เท่านั้น ถึงจะนำความเป็นผู้นำ มาให้กับธุรกิจ ได้ โดยไม่ได้ปล่อยทิ้งความหวังไว้กับ พี่ๆ สิบล้อ จนต้องรอถึง 10โมง อย่างที่เคยเป็นมา

http://finmindit.webiz.co.th/products/Software/FINMINDGISApps

Higg Boson By CERN Project

 ค้นหา Higg Boson  โดย CERN Project



CERN Project  เขาทำไปทำไม
 ค้นหาแรงที่ โลกยังไม่เข้าใจ แสงวิงจากดวงอาทิตมาโลกได้ไง โลกเข้าใจแล้ว
แอปเปิลหล่นจากต้นพร้อมนุ่น ได้ไง โลกเข้าใจแล้ว ดาวโลก หมุนรอบ ดวงอาทิตได้ไง ทำไมพระจันทร์ของโลกไม่ไปไหน โลกเข้าใจแล้ว แต่ อิเล็กตรอน กอดกับ นิวตรอนได้ไง โลกยังเข้าใจไม่หมด....ที่มาของCERN Project


ตาราง แรงธรรมชาติพื้นฐาน อันตรกิริยาอนุภาคทั้ง4


อันตรกิริยา

ความเข้มสัมพัทธ์

พิสัยของแรง

อนุภาคสนามพาหะ
นิวเคลียร์ แม่เหล็กไฟฟ้า
อ่อน
โน้มถ่วง
1
ใกล้ fm)
ใกล้
กลูออน
โฟตอน
โบซอน
แกรวิตอน

Higg Boson มันคืออะไร
Higg Boson คือชื่อเรียกแรงตามกฎของ Higg  แรงอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ วัตุบนโลกมีรุปร่าง มีตัวตน ยืดเหนียวกันจาก ระดับเล็กกว่า atom ได้อย่งไร CERN Project พยายามจะอธิบายเรื่องของแรงที่โลกยังไม่เข้าใจนี่ โดยสร้างเครื่องแรงElectron หลอกให้มันชนกัน และดูว่าชนแล้วมันเอาไงต่อ จำลองทฤษฏี Big bang  และหาคำตอบ


โลกจะได้อะไรจาก CERN Project
ถ้าพวกเข้าคิดถูก การค้นหาก็จะจบลง มนุษย์ก็จะเข้าใจทุกแรงในจักรวาฬ และควบคุมการเกิด และเปลี่ยนแปลงของ Atom ได้หมด สามรถควบคุมการเปลียนแปลงปฏิกิรยาได้มากขึ้น คนอาจจะไม่มีวันแก่. และเราอาจสร้างสารที่เราต้องการ มาใช้แทนแคลเซียม ในกระดุก สร้างรถที่ชนกันแล้วไม่พัง ไม่เจ็บ คืนสภาพได้ และอื่นๆ อีกมากมาย  ซึ่งยังไม่ได้.
   แค่เรารู้จัก โฟตอนในแรง ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเรายังเปลี่ยนโลกจากยุก ก่อกองไฟ ใช้รถจักรไอน้ำ มาเป็น รถไฟฟ้า และเครื่องรับสง ภาพ และเสียงได้ถึง ดาวอังคารได้แล้ว
   ถ้าเราเข้าใจเจ้าแรงนี้ได้ ไม่ยากที่เราจะดิดตัวออกไปอยู่ ดาวดวงใดก็ได้ นอกจากโลก ใบนี้




http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/4/quark/quark2.htm

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Automatic winding watch to Electricity Generator เปลี่ยนการเคลื่อนไหว ให้เป็น พลังไฟฟ้า





เปลี่ยนการเคลื่อนไหว ให้เป็น พลังไฟฟ้า อนาคตของโลก
แม้ดูจะไม่ใช่เรื่องใหม่ จริงๆ แล้วมันเป็นจุดเริ่ม ของการคิดค้นสร้างพลังงานไฟฟ้าเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไม จุดเริ่มไม่ถูกพัฒนา ทำไมคนถึงเลือกใช้ กังหันน้ำ กังหันลม อันใหญ่ๆ เครื่องจักไอน้ำ เครื่องจักพลังถ่านหินไหญ่ การแตกตัวของนิวเคลีย เอามาปั่นไฟ แบ่งกันใช้ และ ละเลย เรื่องเล็กๆ ง่ายของตัวเองไป

จริงๆแล้ว มนุษย์ เคลื่อนไหวตลอดเวลา ถ้าหัวใจยังทำงาน ลมหายใจยังเข้าออก การขยับแขน ขาเดินยังทำได้ และที่สำคัญ มนุษย์ ได้พลังงานมาจาก อาหาร ซึ่งนำมาเปลี่ยเป็นพลังงานจล เพื่อใช้ ดำรงชีวิต ขยับหัวใจ ผลักดันกระแสเลื่อด และควบคุมลมหายใจให้ ประสานงานกับปอด และกล้ามเนื่องต่าง ทุกส่วน เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น ไม่น่ายากที่จะนำกระบวนการเคลื่อนไหวแบบ จลน์ เหลานี้มาเปลี่ยนเป็น พลังงานไฟฟ้า
เพียงแต่เป็นเรื่องน่าคิดว่าหลังจากยุคเครื่องจักรไอน้ำ มนุษย์ก็สร้างสิ่งต่างๆอีกมากมาย ทำไมเทคโนโลยีนี้ไม่ถึงไหน นอกจากนันมนุษย์ ยังรวมหัวกันคิดหาวิธีเผา ฟอดซิล และ ถางป่าทำเขื่อน ใช้ไฟฟ้าจากแหลงใหญ่ๆ กันอย่างมีความสุข  โดยไม่ได้หันมองแนวคิด จุลภาค หรือแนวทางพึงพิงตัวเองแบบหน่วยย่อยเลยสักนิด อาปากรอระบบไฟฟ้าของประเทศ อาปากรอปลักไฟ
แต่เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านโลกมาเรื่อยๆ เราก็พบว่า Individual gadget Object ที่สร้างขึ้นมาในยุคDigital ล้วนต้องการพลังงานทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ มาก
หนึ่งในนั้นคือนาฬิกา เครื่องมือดูเวลาที่ต่างมีรูปแบบของตัวเอง ยุคแรกเป็นเรื่องถ้าทายที่ ผู้สร้างนาฬิกาจะต้องทำให้มันเดินได้ตลอดเวลา  ณ ตอนนั้น โลกยังไม่รู้จักแบตเตอรี เราคิดก็สร้างกลไกลที่ไม่มีวัน จบขึ้นมาได้ เพียงต้องอาศัยการเคลื่นไหวของ ผู้สวมใส่ เท่านั้นเอง
Automatic winding watch  จึงทำงานเสมือนหัวใจ ไม่มีวันหยุด ถ้าตราบใดที่คนใส่ ไม่หยุดเคลื่อนไหว
การออกแบบที่ สมดุล สร้างพลังงานจลที่สมดุล ทำให้การเคลื่อนไหวเกิดสมดุล ได้งานที่แทบจะไม่รู้จบ นั่นแปลว่า พลังเหล่านี้ ไม่มีวันหมด เมื่อเทียบกับ ฟอตซิล (น้ำมัน ถ่านหิน ) หรือแม้แต่ สายลม และ แสงแดด เองก็มีวันที่จะหายไป กังหันลมยักษ์อาจหยุดทำงาน โซลาฟาร์ม อาจมีแต่ความมึดครึ้มยาวนาน ซึ่ง พลังงานทางเลื่อกที่เรารู้จัก อาจไม่พอ กับความต้องการที่เพิมมหาศาล ของโลก Digital

แนวทางพัฒนาเรื่อง Motion electricity generation  นี้ มีหลาย web นำเสนอแต่ดูเหมือนว่า เทคโนโลยีนี้ จะยังไม่ว่างขายในรุปแบบ Individual gadget Object และคนทั่วไปไม่รู้จัก ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจถูกพัฒนา ไปจนถึงจุดเสถียรแล้ว รอเพียงเวลา   เวลาที่ น้ำมัน และ ถานหิน หมดไป
มันถึงจะถูกวางขาย และทำเงิน แล้วมาเปลี่ยแนวการสร้างทางพลังงานไฟฟ้าของโลก ไปในอีกทิศทางหนึ่ง เหมือนกันที่กำลังเปลียน จอแบบหลอด เป็น LED เปลี่ยนปุ่มกด เป็น Touch Screen

เปลี่ยแบตเตอรีเป็นAutomatic winding generator ถึงวันนั้นเราก็จะลืมแบตเตอรี ไปอย่างแน่นอน

  อ้างอิง
http://www.google.co.th/patents?id=p5wiAAAAEBAJ&printsec=abstract&zoom=4&hl=th

http://www.google.co.th/patents?hl=th&lr=&vid=USPAT5347186&id=p5wiAAAAEBAJ&oi=fnd&dq=motion+electricity+generation&printsec=abstract#v=onepage&q&f=false

10 การเลื่นไหวของมนุษย์ที่สร้างไฟฟ้าได้


http://www.element14.com/community/groups/energy-harvesting-solutions/blog/2012/12/20/different-approach--still-energy-harvesting

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

IT ตำบล

            สวัสดีปีใหม่ 2556 เดินทางปีใหม่ ปีนี้ มีโปรเจคหนึ่งวกวน เวียนไปเวียนมาอยู่ในหัว และเรื่องทังหมดเกิดจาก ความทันสมัย มาถึง พศ.นี้ก็ไม่มีใครที่จะสามารถปฏิเสธ ความเจริญทางเทคโนโลยีได้ ทุกบ้านมีจานดาวเทียม ทุกคนมีมือถือ และเด็กรุ่นใหม่ คนไฟแรง Gent X,Gent Y,Gent Next ล้วนวิ่งตามความล้ำสมัยของระบบ สือสาร และซึ่งมันจะไม่มีทางหนีพ้น Computer,Smart Phone และที่ต้องขาดไม่ได้เลยคือ Software ที่สร้างให้ วัตถุเหล่านั้นมีประโยชน์
          การเรียนรู้จึงไม่มีที่สิ้นสุด และฉุดรั้งให้คนทุกรุ่นต้องเรียนรู้ติดตาม ค้นหาและไม่ยอมที่จะไม่รู้ ก่อนสิ้นปี2555 นั้นเกิดปรากฎการ การกุศล ที่มีแรงบัลดานใจจากระบบ Social Networkโดยเฉพาะ Facebook เป็นเครื่องมือ เห็นได้ชัดว่า ระบบ Internet ก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็วกับสังคมที่เปิดรับมัน สองงานที่ประสบกับตัวเอง คือ การรวมตัวของรุ่นพี่รุ่นน้อง โรงเรียนมัธยม แล้วรวมตัวทอดผ้าป่า หรือ การรวมตัวเรี่ยรายเงินเพี่อ บริจากให้กับ โรงเรียนเพื่อสร้างสถานที่ ๆ เอื่อประโยชน์ให้กับรุ้นน้องและสร้างความสามัคคีให้เกิดในสังคม
งานที่สองเป็๋นการรวมตัวของชาวชุมชนเด็กทีเกิดในหมู่บ้านเดียวกัน เร่ร่อนพลัดถิดออกไปทำงานต่างถิ่น ต่างที่ รวบรวมสมาคม กันผ่านFacebook และจัดเป็นผ้าป่า กองทุนอภิบาลผู้เฒ่า พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ที่เฝ้ารอลูกหลาน โดยผ่านคืน ผ่านวัน ที่ต้องเผชิญกับโรคภัย ความเหงา ความอ้างว้าง รอคอย ผ้าป่าFacebook กองที่สองนี้ ทำให้รุ่นพี่รุ้่นน้อง ในสังคมเดียวกัน ในหมู่บ้านเล็กๆ กลาางทุ่งน่า ได้มา สมาคม สมัคสมาน โดยมีพระอาจารย์ ดร. ที่เลงเห็นความเปลี่ยนแปลง และอยากให้สังคมก้าวไปแบบ อบอุ่น เข็มแข็ง ท่านได้มาเป็นผู้หนุ่นนำ และสร้างเรืงราวแสนอบอุ่นให้เกิดขึ้น
            และนี้เป็น สองตัวอย่างที่ Social Network เข้ามามีบทบาทอย่างมากเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นปีที่ Boom ที่สุดของ Social Network Application ซึ้่งยากที่แยกกันได้ระว่าง ตัวHardware กับ Software ที่หนุนหลังเรื่องราวทั้งหมดเล่านี้
            เมื่อเป็นในทิศทางดังนี้แล้ว ก็แน่นอนว่าต่อจากนี้ไปประเทศไทยจะเปลี่ยน สู่ระบบสื่อสารแบบใหม่ ระบบที่คนจะไกล้ กันมากขึ้น ระบบที่จะไม่มีช่องว่างของสังคมมาขวางกั่น เทคโนโลยี จะรุกล้ำเข้าไปทุกซอกมุมของ สังคม และคนจะต้องปรับตัว
           ณ หมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกล ตัวเมื่องของผมนั้นมีพระอาจารย์ ที่หัวสมัยอยู่สองรูป ท่านนำมาซึ่งศัทธา และการเปลี่ยนแปลง ทาง ระบบสือสารตามประสาคนสมัยใหม่ แต่ปัญหาของระบบ IT ไม่ว่าจะใช้มันที่ใด ปัญหาของมันก็จะเหมือนกันทุกที่ Notebook พังHarddisk พัง OS พัง Connect Internet ไม่ได้ และอีกหลายๆ อย่าง ความต้องการที่จะ Update App ในมือถือ,อยากใช้งาน  Internet อยากเข้าร้านซ้อม ที่มีมาตรฐาน ไม่เอาเปรียบเขา จากความไม่รู็
           อยากให้ช่างสอนการใช้งาน อยากใช้งานในราคาไม่แพง อยากได้คุณภาพของสัญญาณ
ทุกความต้องการเหล่านี้ จะตีวงกว่างออกไป กว้างออกไป และที่สุดมันก็จะเต็มทุกพื้นที่ีของโลก ร้านคอมเล็ก ๆ ตามอำเภอ รอให้บริการเรื่องเหล่านี้ แต่ภาพที่เห็น มันยังน่ากลัวมาก สำหรับคนทียังไม่รู้ และดูไม่ดีในสายตาของคนที่รู้เยอะ จุดออนทางการตลาดเล็ก ๆนี้ ทำให้ร้านคอม ตามอำเภอ ต้องอาศัยทุนและ น้ำเลี้ยงที่มากโข ถึงจะประคอง ธุรกิจของตัวเองไปได้
            ประเด็นไว้ที่เปิด IT ตำบล จึงเป็นแนวคิด Local IT Service แบบง่ายๆ ที่เน้นเข้าถึงง่าย แจกจ่ายแบ่งปันความรู้ ส่งเสริมการใช้งาน IT และ ให้มีกำไร พอดำเนินไปได้ เรื่องเล็ก ๆ ที่คนไม่มอง จะกลายเป็นเรื่อง ถ่วงความเจริญของสังคม ถ้า เราสามารกระจ่าย ความรู้ลงไปยังท้องถิ่นได้ ความเจริญก็จะไม่กระจุกตัว การสื่อสารเป็นทางหนุนให้แนวคิดเหล่านี้สำเร็จ IT Support เป็นเครื่องมือ ที่จะทำให้มันเป็นจริง และถ้ามีสถานที่ให้ชาวบ้านเข้าถึง มีประโยชเป็นรูปธรรม ระบบ IT ก็จะสร้างโลกที่วัฒณา ขึ้นมาได้
           IT ตำบล คือแนวคิดของ IT Support Shope เล็ก ๆ ณ ใจกลางตำบล ที่ทุกคนจะมาถึงได้ง่าย ๆ และพร้อมให้บริการตามสถานศึกษา เทศบาลและ ศุนย์กลางชุมชน อุปกรณ์โสตทัศนะ ให้เช่า อุปกรณ์สำนักงาน ให้เช่า ระบบ IT แบบที่ในเมื่องมี จะถูกติดตั้งและทำงานอยู่ตาม ตำบล และทึ่สุดทุกที่ก็จะสดวกสบาย ความเข้าใจกันจะมากขึ้น ความห่างไกล้จะลดลง สังคมจะอบอุ่น แนวทาง ชีวิตจะเต็มไปด้วยความหวัง....